สื่อสังคมออนไลน์เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักการตลาด ที่จะทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้คนส่วนใหญ่ต่างมีสมาร์ทโฟนพกติดตัวกันทุกคน ทำให้โลกโซเชี่ยลติดตามไปทุกหนแห่งด้วยเช่นกัน เรื่องนี้นักการตลาดต้องตามให้ทันและใช้ให้เป็น

      หนึ่งในสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมและมีสมาชิกในเครือข่ายมากที่สุดก็คงจะต้องยกให้กับ Facebook ที่มีสมาชิกมากว่าพันล้านคน ดังนั้น การใช้ Facebook สำหรับธุรกิจ จึงมีความน่าสนใจมาก บทความนี้จะแนะนำเจ้าของธุรกิจร้านอาหารทุกท่านถึง เทคนิคของการทำการตลาดด้วยการใช้ Facebook ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมาก หากใช้ได้อย่างถูกต้อง

      หากเอ่ยถึง Facebook เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยดีอยู่แล้ว เพราะบางคนก็ใช้กันเป็นประจำในกลุ่มเพื่อนๆ แต่ถ้าเป็นการใช้เพื่อธุรกิจอาจจะยังไม่คุ้นเคย จริงๆ แล้วการใช้งานเฟสบุ๊คในทางธุรกิจนั้น เราต้องเปิดใช้บริการ Facebook Fanpage ซึ่งมีระบบหลายอย่างสนับสนุนการทำงานแบบธุรกิจ โดยเฉพาะการโฆษณา การใส่รายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจ รวมถึงการใช้เครื่องมือส่งเสริมการตลาดอื่นๆ ซึ่งร้านอาหารจะได้ประโยชน์จากเฟสบุ๊คเป็นอย่างมาก

Facebook Fanpage ดีกับธุรกิจอย่างไร

      1. Discoverable การค้นหาร้านอาหารของคุณบน Facebook จะทำได้ง่ายขึ้น เพราะเป็นที่รู้กันว่า คู่แข่งของเฟสบุ๊คก็คือ Google+ เฟสบุ๊คก็เลยให้มาทำหน้าเพจบนเฟสบุ๊คซะเลยจะได้หาเจอแน่นอน

      2. Connected แชทกันแบบตัวต่อตัว ได้สบายเพื่อลูกค้าจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ในชื่อของธุรกิจ ทำให้ลูกค้าเกิดความคุ้นเคยกับธุรกิจมากขึ้น 

      3. Timely รวดเร็วทันใจ สามารถส่งโพสต์ข้อความ รูปภาพ วิดีโอ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น เฟสบุ๊คโปรไฟล์ จะมีเพื่อนได้แค่ 5000 คนเท่านั้น แต่ Facebook FanPage รับได้ไม่จำกัด

      4. Insightful มีข้อมูลสถิติให้เข้าใจพฤติกรรมของผู้ชมแฟนเพจ ได้นำไปวิเคราะห์ ด้านการตลาด และนำไปสู่การสร้างกิจกรรมส่งเสริมการตลาด

Fanpage สำหรับธุรกิจ มีแล้วต้องเวิร์ค

      มีหลายธุรกิจที่ทำแฟนเพจบนเฟสบุ๊คแล้วไม่รู้ว่าจะทำให้ตอบโจทย์ทางธุรกิจได้อย่างไร มีคนบอกว่า ต้องมี ก็เลยสร้างขึ้นมา แล้วไปเข้าใจผิดว่า คงจะใช้งานเหมือนกับการเล่นเฟสบุ๊คส่วนตัว นั่นคือความเข้าใจผิด

      Facebook Fanpage คือ ตัวแทนของธุรกิจ กิจกรรมกลุ่ม ร้านค้าท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ ศิลปินนักร้องนักแสดง องค์กรภาครัฐ/เอกชน องค์กรไม่หวังผลกำไร/การกุศล สถาบันการศึกษา และบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งการหาสมาชิกไม่ได้มาจากการขอเป็นเพื่อน (Add Friend) เหมือนในเฟสบุ๊คทั่วไป แต่จะเป็นการเปิดให้กลุ่มผู้ที่เป็นลูกค้า แฟนคลับ สมาชิกกลุ่ม หรือผู้ที่ชื่นชอบและต้องการติดตามความเคลื่อนไหวได้มากด Like เพื่อแสดงความชอบหรือขอติดตามข้อมูลข่าวสารทางเฟสบุ๊ค ซึ่งโดยปกติแล้วการขอเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊คทั่วไปจะมีได้ไม่เกิน 5000 คน แต่สำหรับ Fanpage แล้วมีได้ไม่จำกัด และนอกจากนั้นการกำหนดรายละเอียดก็ยังมีความแตกต่างกันมาก ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนสำคัญ ซึ่งหลายคนไม่เข้าใจส่วนนี้ก็เลยทำให้มีแฟนเพจแล้วไม่เวิร์ค

ส่วนสำคัญของการจัดการ

      ถ้าเป็นคนก็เรียกว่าต้องปรับกันตั้งแต่หัวจรดเท้ากันเลยทีเดียว เหมือนนักเรียนเมื่อจบแล้วจะต้องออกไปทำงาน จะปรับปรุงบุคลิกภาพ เสื้อผ้าหน้าผมอย่างไรให้ดูเป็นนักธุรกิจ ซึ่งถ้าดูที่หน้าจอของเฟสบุ๊คส่วนตัว และแฟนเพจ ก็อาจจะคล้ายๆกัน แต่ถ้ามองลึกลงไปจะพบว่ามีความต่างกันพอสมควร แต่เราจะเริ่มตรงไหนดี สำหรับธุรกิจร้านอาหาร ลองมาดูกันเป็นเรื่องๆ

เลือกประเภทแฟนเพจให้ถูกต้อง

      การเลือก Fanpage สำหรับร้านอาหารนั้น จะต้องเลือกประเภท Local Business และเลือกหมวดย่อย Restaurant/Cafe ซึ่งจะทำให้เราสามารถใส่รายละเอียดของร้านได้ เช่น ที่อยู่ของร้าน เวลาทำการ โทรศัพท์

รายละเอียดต้องครบและสร้างสรรค์

      ต่อจากนั้น เมื่อเราเลือกประเภทแล้ว ก็ต้องใส่ข้อมูลเกี่ยวกับร้านอาหาร ได้แก่ คีย์เวิร์ดซึ่งแนะนำให้เป็น “Thai Restaurant” คำอธิบายเกี่ยวกับร้านอาหาร ก็ควรจะให้มีความน่าสนใจไม่ต้องยาวมาก แต่ให้กระชับเข้าใจทันทีเน้นจุดเด่นของร้าน แน่นอนก็ต้องเป็นเรื่องของอาหารและบรรยากาศ

รูปภาพประจำเพจ

      เริ่มจากรูปโปรไฟล์ (Profile Picture) ของร้านที่เป็นสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่มุมซ้าย ซึ่งในส่วนนี้ ควรที่จะใส่รูปที่จะสื่อไปถึงเอกลักษณ์ของร้าน ซึ่งเป็นตัวแทนของธุรกิจ บางคนก็อาจจะใช้รูปเจ้าของร้านกับอาหาร หรือรูปโลโก้ร้าน เป็นต้น อีกส่วนที่สำคัญคือรูปหน้าปก (Cover) ที่อยู่บนส่วนบนของแฟนเพจ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุด เหมาะที่จะใช้เป็นพื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์หลัก ซึ่งควรที่จะตั้งใจเลือกรูปที่จะช่วยด้านการตลาดให้กับร้าน

เลือกกลุ่มเป้าหมายผู้ชม

      ขั้นตอนสุดท้ายของการติดตั้งคือ การเลือกกลุ่มเป้าหมายให้กับแฟนเพจ

• Locations คือ การระบุกลุ่มลูกค้า และตำแหน่งที่ตั้งของร้าน ซึ่งเฟสบุ๊คจะทำการตรวจสอบกับข้อมูลที่อยู่ของสมาชิก และข้อมูลการ Check-in ของสมาชิก

• ทุกคนที่พักอาศัยหรือใช้ชีวิตประจำวันใกล้ร้าน (ใกล้ตำแหน่งที่ระบุไว้)
• ทุกคนที่พักอาศัยอยู่ใกล้ร้าน (ใกล้ตำแหน่งที่ระบุไว้)
• ทุกคนที่ใช้ชีวิตประจำวันใกล้ร้าน (ใกล้ตำแหน่งที่ระบุไว้)
• ทุกคนที่ท่องเที่ยวอยู่ใกล้ร้าน (โดยเฟสบุ๊คจะเลือกคนที่อยู่แถวๆร้าน แต่มีบ้านอยู่ไกลกว่า 200 กม.)

• Age คือ การเลือกช่วงอายุของกลุ่มเป้าหมาย ถ้าร้านอาหารเป็นร้านหรูราคาแพง ก็ต้องเน้นที่กลุ่มผู้ใหญ่ ถ้าเป็นร้านฟิวชั่น ก็ต้องเลือกช่วงหนุ่มสาววัยทำงาน ถ้าเป็นร้านสำหรับทุกคน ก็อาจจะเลือกช่วงอายุกว้างที่สุด แต่แนะนำเทคนิคเรื่องช่วงอายุ ให้เลือกที่ตรงกับแนวทางของร้านให้มากที่สุด เพราะลูกค้าที่เข้ามาชมเพจก็จะไม่ผิดหวัง
• Gender คือ การเลือกเพศของผู้เข้าชมเพจ ซึ่งโดยส่วนมากก็จะเน้นทั้งชายและหญิง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่คอนเซ็ปต์ของร้านด้วยครับ
• Interest คือ การเลือกความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย เช่น ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ก็ต้องเน้นความสนใจเกี่ยวกับ “Health” หรือ “Organic Food” หรือเป็นร้านอาหารสำหรับนักดื่ม ก็ต้องเลือก “Wine” หรือ “Beer” เป็นต้น แล้วเฟสบุ๊ครู้ข้อมูลความสนใจได้อย่างไร ก็เป็นการเก็บพฤติกรรมของสมาชิกที่ไป Like หรือ Share ข้อมูลโพสต์และเพจต่าง เช่นถ้าเราไปคลิกไลค์แฟนเพจยี่ห้อเบียร์ นั่นก็คือ Interest ของเรา เป็นต้น

ที่มา : https://pantit.wordpress.com/2016/01/25/facebook-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/